2.คำทำนายตามหลักศาสนาต่างๆ
เราลองมาดูข้อมูลทางศาสนากันนะครับว่าทำไมเราจะ
ต้องไปเกี่ยวข้องกับปีศตวรรษที่ 21 ตามความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ถูกกุมด้วยความเชื่อของศาสนาสำคัญๆ
ข้อมูลต่อไปนี้เราจะเข้าใจว่าเราต้องเรียนรู้ศาสตร์บางอย่างแห่งโลกตะวันตกที่มีความเชื่อในเรื่องที่เราสามารถนำมาเปรียบเทียบกับแนวทางการดำเนินชีวิตของเราได้เพื่อที่เราจะรู้ว่าเขาคิดอย่างไรและเราควรจะปรับใช้กับเรามากน้อยแค่ไหนศาสนาอันเป็นพื้นฐานความเชื่อที่วิทยาศาสตร์พอจะยอมรับได้ในโลกของเรานี้มี
ด้วยกันสำคัญๆอยู่ ประมาณ 5 ศาสนา
1)ศาสนาคริสต์ ผู้ศรัทธานับถือประมาณ 1,833 ล้านคน
2)ศาสนาอิสลาม ผู้ศรัทธานับถือประมาณ 971 ล้านคน
3)ศาสนาฮินดู ผู้ศรัทธานับถือประมาณ 733 ล้านคน
4)ศาสนาพุทธ ผู้ศรัทธานับถือประมาณ 315 ล้านคน
5)ศาสนายิว ผู้ศรัทธานับถือประมาณ 14.3 ล้านคน
แต่ผมขอเลือกเฉพาะศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุด และคนไทยเรารู้จักเป็นส่วนใหญ่ซึ่งล้วนแต่มีผลต่อการผลักดันการดำเนินชีวิตของมนุษย์เรา
คำทำนายตามหลักคำสอนของศาสนาสำคัญๆของศาสนา เป็นการบันทึกเป็นหลักฐาน อาจในรูปของตำนาน การบอกเล่า บทสวด นักบวชเป็นผู้ถ่ายทอดและการบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ตามแต่อารยธรรมความเชื่อยุดสมัยต่างๆและถูกค้นพบมีการรวบรวมแก้ไข ปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับ
ยุคเข้ากับสมัย โดยศาสนาใหญ่ทั้ง 3 ศาสนา ได้แก่
1)ศาสนาคริสต์
2)ศาสนาอิสลาม
3)ศาสนาพุทธ
ซึ่งเมื่อเราเปรียบเทียบดูเราจะเห็นได้ว่า ศาสนาสำคัญแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนที่มีความเชื่อรากเหง้าและแนวทางความคิดต่างๆคล้ายคลึงกันและพอที่จะรวมอยู่ในกลุ่มเดียวกันเพื่อ เปรียบเทียบดูจำนวนคร่าวๆทั้งโลก ได้แก่
1)ศาสนาคริสต์ ศาสนายิว รวมผู้ศรัทธานับถือประมาณ 1847.3 ล้านคน
2)ศาสนาอิสลาม รวมผู้ศรัทธานับถือประมาณ 971 ล้านคน
3)ศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู รวมผู้ศรัทธานับถือประมาณ 1048 ล้านคน
ซึ่งถ้าแนวทางความเชื่อที่คล้ายกันแล้วศาสนาคริสต์กับอิสลามจะมีแนวทางที่ชัดเจนและเป็น2ศาสนาที่มีรากฐานมาจากแหล่งที่มาความเชื่อเกือบๆจะคล้ายคลึงกันนั้นคือ ผู้ศรัทธาประมาณ2818.3ล้านคนแสดงให้เห็นว่าจำนวนประชากรส่วนใหญ่ของโลกเราจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับ
ความเชื่อในทางศาสนาไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งและมากที่สุดก็คือศานาศริสต์ที่เรากำลังได้รับ
อิทธิพลจากกลุ่มแนวทางความคิดของศาสนานี้เป็นอย่างมากทำให้เราต้องทำความเข้าใจความคิด
และส่วนที่เกี่ยวข้องในหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนที่มีต่อข้อมูลและความคิด ต่างๆ ไม่ต้องการจะลบหลู่หรือเจตนาคิดในแง่ร้ายกับศาสนาใดเพียงแต่ต้องการสื่อให้เห็นว่าทำไมและอะไรทำให้เราต้องตื่นตัวและเรียนรู้ว่าอะไรจะเกิดกับโลกของเราต่อไปในศตวรรษที่ 21
หรือหลังปี 2010 เป็นต้นไป
โดยบทความนี้ต้องการจะสื่อให้เห็นเน้นไปที่ความเชื่อในปีค.ศ.2000 นั้นคือ ความเชื่อหลังจาก 2000ปีหลังจากที่เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงประสูติและคำพยากรณ์ต่างๆตามความเชื่อของศานาศริสต์ว่าจะมีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นและเปรียบเทียบกับแนว
ความคิดของนักพยากรณ์ไพ่ทาโรต์ โดย ผม เขตต์ โหรศิลป์จะขอเป็นผู้เรียบเรียงเรื่องราวซึ่งขอย้ำว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวจากการติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งความรอบรู้ต่างๆที่สำคัญจากจำนวนประชากรและจากความคิดความเชื่อในศาสนาต่างๆนั้นทำให้เราทราบว่าหากมนุษย์เรายังใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองและ ไม่ถนอมรักษาโลกบรรยากาศโลกของเราจะร้อนขึ้นอย่างมากเป็นลำดับๆ อากาศจะ ปรวนแปรหนัก
โดยนักวิทยาศาสตร์ประมาณการแล้วว่าเมื่อถึงปี ค.ศ.2050โลกของเราจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียสซึ่งเป็นเหตุให้น้ำแข็งทั้งขั้วโลกเหนือและขั่วโลกใต้ละลายทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นประมาณ 3-4 ฟุต ช่องกดอากาศต่างๆมีแนวโน้มว่าจะแปรปรวนทำให้ฤดูกาลต่างๆเปลี่ยนไป
ประเทศไทยของเราถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าตั้งแต่ปีพ.ศ.2550เป็นต้นมาอากาศเริ่มแปรปรวน ฤดูร้อนยาวนานผิดปกติอากาศเย็นจัดและมีพายุน้ำท่วมใหญ่อยู่ตลอดเวลาเป็นข่าวที่สลับไปสลับมาทำให้นักพยากรณ์นักโหราศาสตร์และแม้แต่
1)ศาสนาคริสต์
ซึ่งเราจะมาพูดกันในข่าวสารสาระเพราะเกี่ยวกับความเชื่อเมื่อเข้าสู่ปี ค.ศ.2000 ที่ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์อาจเข้าใจและรู้จักดีแต่พวกเราในฐานะที่นับถือศาสนาพุทธมักจะไม่ค่อยเข้าใจซึ่งผมก็จะพยากยามสรุปสั้นๆว่า ศาสนาศริสต์กับศ.ศ2000 ก็มีมีคำทำนายเช่นกันกับศาสนาสำคัญอื่นๆ
เพียงแต่แบ่งขั้นตอนออกเป็นช่วงเวลาที่ผมจะขอกล่าวมากสักหน่อย และขอย้ำว่าเป็นการค้นคว้าผ่านการแสดงความคิดเห็นไม่ใช่หลักคำสอนที่แท้จริงของศาสนาเพียงแต่ผมต้องการจะสื่อให้เห็นการเปรียบเทียบอย่างง่ายๆของหลักคำสอนและหลักคำทำนายของศานาสำคัญต่างๆของโลก
ศาสนาคริสต์ได้กำหนดคำทำนายไว้ในพระคัมภีร์ ในส่วนของ “วิวรณ์” ศาสนาคริสต์เชื่อว่า มีตรา 7 ดวงที่จะเป็นที่มาของ “วันแห่งการพิพากษา” โดยเริ่มจาก
ดวงตราที่ 1.
สื่อสั้นๆว่าศาสนาศริสต์จะได้รับชัยชนะเหนือศาสนาทั้งปวงคือจะมีผู้คน นับถือศาสนาศริสต์มากมายในโลกซึ่งปัจจุบันก็เป็นความจริง
ดวงตราที่ 2.
สื่อว่า สันติสุขและความสงบของโลกจะหายไปเรียกได้ว่า ” สันติสุขจะ ถูกนำออกไปจากแผ่นดินโลก”แสดงว่าเมื่อศาสนาศตริสต์ได้รับการยอมรับจากชาวโลกตราดวงที่2เมื่อแกะออกก็จะนำมาซึ่งสงครามการต่อสู้ของมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลก
ดวงตราที่ 3.
สื่อว่า ความอดอยาก ความยากแค้นการขาดแคลนอาหารจะเป็นปัญหา
หลักที่ทำให้ประชากรโลกต้องทำสงครามและต้องสูญเสียชีวิตซึ่งก็เหมือนกับข้อมูลประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ผม กล่าวแต่ต้นว่าประชากรโลกจะมากจนเราเกินความสามารถในการผลิตอาหารทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนอาหาร
ดวงตราที่ 4.
สื่อถึงโรคระบาดและสัตว์ร้ายจากพื้นโลกมนุษย์ของเรานี้เองจะทำให้เป็นตัวแพร่เชื่อโรคเรื่องโรคระบาดนั้นเป็นไปได้เพราะเมื่อมนุษย์ตายมากขึ้นก็หลีกหนีโรคระบาดจากซากศพไม่ได้ทำให้เกิดโรคระบาดที่รุนแรงได้เช่นกัน
ส่วนสัตว์ร้ายจากพื้นโลกก็อาจเป็นเพราะมนุษย์ฝืนกฎธรรมชาติและไม่ยอมอยู่ร่วมกับ ธรรมชาติทำให้สัตว์ป่าเริ่มจะรุกเข้ามาในเมือง ประเทศไทยเราก็มีให้เห็นว่าช้างป่า
ลงมาทำลายเรือกสวนไร่นาของมนุษย์ การอพยพย้ายถิ่นของนก การระบาดของโรคร้ายข้ามถิ่น
ดวงตราที่ 5.
สื่อถึง คนที่นับถือศาสนาคริสต์จะต้องถูกต่อต้านและถูกฆ่าตายเป็นจำนวน
มากเพื่อสังเวยวันแห่งการพิพากษาผู้ที่เชื่อในพระเจ้าเท่านั้นที่จะมีชีวิตนิรันดร์
ดวงตราที่ 6.
สื่อถึง แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ดวงอาทิตย์จะดับมืด พระจันทร์จะกลายเป็น
สีเลือดดวงดาวบนท้องฟ้าหายลับหมดไปจากท้องฟ้าภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะจะเลื่อนตำแหน่งเปลี่ยนไปจากจุดเดิมซึ่งอาจจะสภาพโลกร้อนที่ทำให้สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ธรรมชาติต้องปรับตัวรักษาสมดุลด้วยตัวเองส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
ดวงตราที่ 7.
สื่อถึง แผ่นดินจะเกิดความเงียบประมาณครึ่ง
ชั่วโมง หลังจากนั้นจะมีฑูตสวรรค์ 7 องค์ลงมาจากสวรรค์ โดยแต่ละองค์ถือแตรประจำตัวลงมาพร้อมกับเป่า
แตรทีละแตรเพื่อเป็นสัญลักษณ์สุดท้ายก่อนวันแห่งการพิพากษาจะมาถึง
โดยฑูตสวรรค์องค์หนึ่งจะโยนลูกไฟที่อยู่ภายในกระถางทองคำทำให้เกิดฟ้าร้องเสียงดัง ฟ้าผ่า และเกิด แผ่นดินไหวอีกครั้งอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์จะเคยเจอ พร้อมกันกับที่ฑูตสวรรค์จะเป่าแตร
แตรคันที่ 1.
“จะเกิดลูกเห็บและไฟปนเลือดตกลงมาบนแผ่นดินไฟไหม้พื้นโลกไป 1/3ต้นไม้ไหม้ไป 1/3 ”
แตรคันที่ 2.
” สิ่งที่ดูเหมือนภูเขาลูกใหญ่กำลังลุกไหม้ถูกทิ้งลงไปในทะเล ทะเลจะกลายเป็นสีเลือดเสียไป 1/3 สัตว์และพืชพันธ์ที่อาศัยในทะเลจะตายไป1/3 เรืออุปกรณ์เดินทะเลเครื่องมือต่างๆที่มนุษย์ประดิษฐ์เพื่อใช้กับทะเลจะเสียหายไป 1/3
แตรคันที่ 3.
” ดวงดาวใหญ่ที่มีไฟลุกไหม้โชติช่วงจากฟากฟ้าจะตกลงไปในแม่น้ำและทะเลทำให้น้ำดื่มมีรสขมและเสียไป 1/3 ใช้การไม่ได้มนุษย์ในโลกจะตายไปเป็นจำนวนมากจากปัญหาน้ำดื่มดำรงค์ชีพ
แตรคันที่ 4.
” ดวงอาทิตย์จะถูกทำลายไป 1/3 กลางวันจะสว่างเพียง 1/3 ของที่เคย
สว่าง ดวงจันทร์ดาวดาวที่ให้แสงสว่างในท้องฟ้ายามค่ำคืนจะมืดไป 1/3 ส่วน ”
แตรคันที่ 5.
“ดวงดาวหนึ่งจะตกลงมาพร้อมกับฝูงสัตว์ร้ายคล้ายตั๊กแตนบินออกมากัดกินเฉพาะมนุษย์ผู้ที่มีแต่ความชั่วร้ายให้ทดทุกข์ทรมานอย่างช้าๆเป็นเวลา 5 เดือน ”
แตรคันที่ 6.
” ฑูตสวรรค์ทั้ง 4 ของพระเจ้าที่ถูกผูกมัดไว้ที่แม่น้ำใหญ่ที่มีหน้าที่คอยควบคุม ชั่วโมง วัน เดือน และปี เหตุการณ์นี้จะฆ่ามนุษย์ไป 1/3 ”
แตรคันที่ 7.
” ราชอาณาจักรแห่งพิภพนี้จะได้กลับคืนมาเป็นของพระผู้เป็นเจ้าตลอดไป ”
ทั้งหมดนั้นคือ ตราทั้ง 7 และฑูตสวรรค์ที่เข้ามาเป่าแตรทั้ง 7 เพื่อเป็นสัญญาณเตือน สุดท้ายของ “วันแห่งการพิพากษา” ทั้งหมดคือคำพยากรณ์ที่ทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรกับมนุษย์โลก ที่เราสามารถหาอ่านได้ในพระคัมภีร์และ เปรียบเทียบด้วยสติและคิดตามว่าเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกนี้จะมีความเป็นไปได้แค่ไหน และเราจะทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนแปลง ดึงเวลา แก้ไข รวมถึงได้เตรียมตัว รับมืออย่างมีสติต่อไป
2)ศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีหลักปฏิบัติที่เคร่งครัดมากที่สุดศาสนาหนึ่ง
ของโลก ซึ่งถ้าเรามองย้อนกลับไปในความเป็นจริงเราจะเข้าใจว่า เหตุใดจำต้องมีกฎระเบียบมากมายเพื่อการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในแผ่นดินที่ตอนนั้นไม่มีความอุดมสมบูรณ์และยังไม่รู้จักการนำน้ำมันมาใช้ประโยชน์เพื่อการดำรงค์อยู่อย่างประเทศในตะวันออกเป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ในครั้งนั้นจึงต้อง มีการแบ่งปันอาหาร ต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีน้ำใจเป็นนักต่อสู้โดยธรรมชาติ พูดคำไหน
คำนั้นเป็นนักรบที่เก่งกาจเพราะต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวสูงเนื่องจากเป็นการรบส่วนใหญ่ที่เกิดในที่โล่งทะเลทรายเป็นการรบที่ยาก แก่การ หลบซ่อน แต่ต้องอาศัย
ความสามารถเฉพาะตัวและความอดทนสูงมาก ชีวิตอาจสูญสิ้นได้ง่ายๆหากไม่สามัคดีกัน ดังนั้นผู้นำจึงมีความสำคัญสูงสุดเพราะจะเป็นผู้ออกกฎภายใต้หลักเกณฑ์ทางศาสนาเพื่อให้เกิดสันติสุขและสามารถปกครองผู้คนที่อดยากให้พอในใจสิ่งที่ตนมีอยู่ทำให้ต้องมีการสรรเสริญพระเจ้าอยู่ตลอดเวลาเพื่อเตือนให้ระลึกถึงกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปศาสนาอิสลามและความเชื่อก็ต้องได้รับการทดสอบจากจิตใจมนุษย์ที่ร่ำรวยขึ้นผิดกับนับรุ่นโบราณเพียงแต่ความเป็นกฎระเบียบที่เคร่งครัดทำให้ยากแก่การเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วนั้นเป็นข้อดีของศาสนาที่ช่วยให้มนุษย์มีสติและรู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ตนตลอดเวลาอย่างไรก็ตามคำทำนายของศาสนาอิสลามก็มีอยู่มากมาย แต่ที่สำคัญและนำมาเปรียบเทียบได้ก็คือ
“เมื่อมนุษย์หมดความเชื่อถือในศาสนาอิสลามคนเลวจะได้รับตำแหน่งและมีเกียรติยศ หญิงคนใช้จะกลาย เป็นแม่นายสาว ผู้ชายจะกลับมาเกรงกลัวผู้หญิง ดวงอาทิตย์ชึ้นทางทิศตะวันตก
พระเยซูกับมาใหม่เพื่อปราบยุคเข็น”นั้นแสดงให้เห็นว่าแม้แต่กฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดของศาสนาอิสลามที่จะถนอมชีวิตมนุษย์ให้อยู่ร่วมกันธรรมชาติในแผ่นดินของตัวเองจะได้รับการรุกรานจากอารยธรรมที่ฟุ้งเฟ้อจนคนที่เชื่อให้ศาสนาอิสลามเปลี่ยนแปลงความคิดไปไม่เข้าใจธรรมชาติที่ตอนอาศัยอยู่แต่กลับสร้างสิ่งที่อยู่ของตนให้อยู่เหนือธรรมชาติ
ดังนั้นเราจะสังเกตเห็นว่าในระยะหลังแม้แผ่นดินไหวเล็กๆตึกรามบ้านช่องและการตายจำนวนมากๆในพื้นที่ๆเป็นทะเลทรายและผู้นับถือศาสนาอิสลามก็
จะต้องสูญเสียชีวิตมากมายเพราะได้ก่อสร้างที่อยู่อาศัยบนความผิดธรรมชาติแผ่นดินเกิดและจากวัฒนธรรมของโลกยุคใหม่ทำให้การหลงเหลือกฎระเบียบในคำสอนของศาสนาทำให้เกิดการแตกแยกระหว่างผู้นำของแต่ละประเทศชัดเจนกว่าผู้นับถือศาสนา
อื่นๆดั่งคำว่าคนเลวจะได้รับตำแหน่งดังนั้นผู้ที่ถูกสั่งสอนให้เชื่อมั่นในผู้นำย่อมจะต้องทำตามคำสั่งของผู้นำซึ่งก็ไม่ผิดที่ผู้คนในมุมโลกอื่นๆจะมองว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องทำ สงครามหรือทำตามคำสั่งผิดๆของผู้นำผู้กระหายสงครามบางประเทศที่พยายามจะโดดเดี่ยวความเชื่อของตัวเองให้ห่างจากกระแสแห่งโลกยุดใหม่ซึ่งเราชาวโลกคนหนึ่งก็คงต้องติดตามและให้ความสำคัญกับทุกๆประเทศทุกศาสนาเพราะเราก็เป็น ส่วนหนึ่ง ของโลกทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันครับ
3)ศาสนาพุทธ
ศานาพุทธมีรูปแบบในการทำนายอนาคตเพื่อให้มนุษย์ผู้ศรัทราในศานาพุทธเป็นเครื่องเตือนใจให้รักษาศีลปฏิบัติธรรมเพื่อปรับตัวให้เข้ากับธรรมะก็คือการอยู่ร่วมกันธรรมชาติให้เกิดความสมดุลย์และไม่เบียดเบียนกันและกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และสัตว์ที่อยู่ร่วมโลก
ในคำทำนายนั้นเราจะเรียกกันว่า ” พุทธทำนาย “ ซึ่งบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก โดยมีหลาย
ประการที่กล่าวไว้เพียงแต่ผมขอนำมาเฉพาะที่สำคัญและต้องการสื่อให้เห็นภาพที่คาดว่าจะ
เกิดขึ้นเปรียบเทียบกับศาสนาอื่นในปี ค.ศ. 2000 พุทธทำนายได้กล่าวไว้ว่า ” เมื่อกึ่งกลาง
พุทธกาลผ่านพ้นไปแผ่นดินและพื้นน้ำจะลุกเดือดเป็นไฟ ไพ่แห่งความร้อนแรงจะลุกมาจากทางทิศตะวันออก เหล่าไพ่บัลกัลย์จะเผ่าทำลายวัดวาอาราม นักบวช สมณชี พราหมณ์
จะถึงกาลอดอยากคนบ้านจะเข้าป่าสัตว์ร้ายจากป่าจะเข้าสิงเมืองเมืองหลวงจะลุกเป็นไฟ ลูกไฟตกลงจากท้องฟ้าเหล็กกล้าจะทะยานจากผืนน้ำมหาสมุทรจะชอกช้ำ สงคราม
จะเกิดขึ้น ข้าศึกจะยึดติดเมือง ทหารจะเป็นข้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแว่นแคว้นจะอดอยาก
ตลิ่งจะพัง แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล เมืองมนุษย์จะมืดมิดสนิท 7 วัน กับ 7 คืน โลก เข้าสู่ความหายนะ “ครับจริงๆแล้วผมไม่เชื่อว่าศาสนาพุทธของเราจะก้าวอ้างสิ่งที่ใกล้เกิดตัว
เพราะธรรมะก็คือธรรมชาติหลักสำคัญของศาสนาเราคือสอนให้เราทำตัวเราให้บริสุทธิ์และปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างสันติและไม่มีพระเจ้ามีแต่หลักธรรมคำสั่งสอนของศาสนาที่คุณยังไม่ต้องเชื่อจนกว่าคุณจะได้พิสูจน์นั้นคือสิ่งที่ผมรักและศรัทธาในศาสนาพุทธเพราะทำให้คนไทยเรามีเอกราชและไม่ทำร้ายรุกรานใครก่อนแต่จะอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์กว่าถิ่นอื่นๆอีกหลายๆถิ่นของโลก แต่โครงบทนี้อ่าน
แล้วก็ไม่ต้องตีความหมาย เพราะทรงเตือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คนตายมากขึ้นเรื่องๆทั้งๆที่วิธีการป้องกันก็พัฒนามากขึ้นแต่ก็ไม่สามารถจะต่อกรกับธรรมชาติได้หากเราฝืนกฏธรรมชาตทรงกล่าวว่าไพ่จะไหม้จากทางทิศตะวันออกและไหม้วัดวาอารามก็แสดงว่าพุทธศาสนาจะต้องถึงการเสื่อมทรามลงอย่างมากเปรียบ
ได้กับบ้านเมืองที่ไฟไหม้พระสงฆ์ผู้สื่อทอดศาสนาก็จะถูกละเลยทอดทิ้งให้ต้องเดียวดายไม่มีผู้คนสนใจเอาใจใส่จะมีการอพยพของผู้คนครั้งสำคัญคือคนในเมืองจะเริ่มออกไปซื้อบ้านที่อยู่อาศัยนอกเมืองหลวงแต่คนบ้านนอกกับจะเข้ามาในเมืองและสร้าง
ปัญหาทำให้เกิดอาชญากรรมการฆาตกรรมการปล้นฆ่ายิ่งตอนนี้คนต่างประเทศเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากขึ้นความรุนแรงของปัญหานี้ก็ยิ่งจะดูชัดขึ้นเป็น
ลำดับ ต้องรีบป้องกันนะครับ คำว่าลูกไฟตกจากฟ้า ถ้าจะตีความก็ได้ว่าเป็นจรวดหรือ อาวุธที่จะตกสู่เมืองหลวงสำคัญ ๆที่ศาสนาพุทธเสื่อมทรามลงมากและในขณะเดียวกันอาจหมายถึงอุกาบาตเหมือนอย่างความเชื่อของศาสนาอื่นที่ทำนายไว้
ตรงกันเหล็กกล้าทะยานจากผืนน้ำนี้เข้าใจยากสักนิดว่าในสมัยพระองค์พระองค์จะเห็นเหล็กกล้าทะยานจากน้ำได้อย่างไรแสดงว่าญาณแห่งการหยั่งรู้ของพระพุทธองค์คงจะแรงมากเพราะมันมีลักษณ์คล้ายกับเรือดำน้ำในยุคปัจจุบันที่เวลามันทะยานขึ้นจากน้ำแล้วดูน่ากลัวมากไม่ว่าจะจรวดนิวเคลียที่ยิงจากน้ำขึ้นมา ส่วนคำว่า ” ข้าวจะขาดแคลนทั่วแว่นแคว้นจะอดอยาก ตลิ่งจะพัง แผ่นดินอารยธรรมจะถล่มเป็นทะเล ” นี้ก็สอดคล้องกับคำทำนายในวิวรณ์ของศาสนาคริสต์ที่มันจะกล่าวถึง
ความอดอยาก โรคระบาดรุนแรงและเริ่มจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วมโลกพุทธทำนายนั้นดูแล้วก็มีความเป็นไปได้อย่างกับทรงมองเห็นด้วยตาเพราะตอนนี้ก็
ก้าวเข้าสู่กึ่งพุทธกาลแล้วนั้นคือ ปี พ.ศ. 2500 เพราะพระพุทธองค์ทรงกล่าวว่าโลก
จะอยู่ได้ ประมาณ 5000 ปีหลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพานแต่พระพุทธเจ้า
ก็ทรงให้ทางออกและชี้แนะแนวทางไว้ดังนี้ ” ผู้ที่ปรารถนาจะรอดพ้นจากภัยพิบัติ
ต้องรักษาศีล 5เข้าญาณ เจริญเมตตา ประกอบสัมมาอาชีพ มีจิตใจสันโดษ
รู้จักเพียงพอ ไม่คดโกง ไม่หลงมัวเมาในอำนาจและลาภยศตั้งใจประพฤติปฎิบัติตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในพุธกึ่งพุทธกาลได้ “นั้นจึงเป็นที่มาของความเชื่อของกลุ่มต่างๆที่ กล่าวว่า
น้ำจะท่วมโลกเหลือบุคคลเพียง 3 ประเภท คือ ผู้ที่เป็นบ้าเพราะรับกับสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ผู้ที่สติเสียชั่วคราวเพราะเตรียมรับมือไว้แล้วแต่ช็อคเพราะคาดไม่ถึง และกลุ่มที่เหลือ สุดท้าย คือกลุ่มที่นักถือศาสนาและปฏิบัตตนอยู่ในศีลสม่ำเสมอทำให้รอดตายเพราะมีสติ
ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะเราก็ต้องเชื่อตามแนวทางของเรา การรักษาศีลหากจะมีวิเคราะห์ว่าทำให้รอดจากมหันภัยได้อย่างไรจะเห็นว่าอย่างไรภัยพิบัติก็ต้องเกิดเพียงแต่มนุษย์ที่จะเหลืออยู่เพื่อจะเริ่มต้นสร้างอารยธรรมต่างๆหากที่จะต้องเป็นผู้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาดด้วยการขัดเกลาของศีล 5 ก่อนนั้นคือ
1)ห้ามฆ่าสัตว์
ข้อนี้ก็ต้องการให้มนุษย์ไม่เบียดเบียนสัตว์โลกเพื่อให้ธรรมชาติดำรงค์
วัฎจักรธรรมชาติของเขาต่อไปได้สัจธรรมข้อนี้เป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติในโลกแต่ถ้าเป็นการฆ่าเพื่อป้องกันตัวหรือเพื่อปากท้องความอยู่รอด
ท่านคงไม่ต้องการจะห้ามเพียงแต่ต้องเพื่อพอมีพอกินและในสมัยท่านอาหารคงมีอย่างอุดมสมบูรณ์ไม่เหมือนสมัยนี้ที่อะไรก็ขาดแคลนแต่รูปแบบการกิจเปลี่ยนจากเดิมไปมากจนกลายเป็นวิชาการทำอาหารการปรุงอาหารและเป็นการให้ความสำคัญกับการกินมากจนทำให้ไม่มีเวลาใช้สมองคิดให้เกิดประโยชน์ท่าน จึงไม่ต้องการให้ฆ่าหรือทำลายสัตว์นั้นเอง
2)ห้ามโกหก
ข้อนี้ทรงไม่ต้องการให้มนุษย์เกิดความหวาดระแวงกันและกันไม่ให้
มนุษย์พูดโกหกหรือหากินบนความหลอกลวงเขาเพราะจำทำให้เกิดความโกรธอารมณ์เครียดแค้นและมีการทำลายและเอาคืนกันในที่สุดทั้งยังไม่ต้องการให้มนุษย์คิดในแง่ร้ายเพราะการที่เราจะพูดเราต้องคิดดังนั้นเมื่อเราพูดปดเราก็จะเริ่มคิดไม่ดีทำให้เป็นการฝึกนิสัยในแง่ลบ อันจะมีผลเสียต่อไป
3)ห้ามลักทรัพย์
ข้อนี้ทรงต้องการให้รู้จักเพียงพอ ทันสมัยนะครับ การอยู่แบบพอเพียงแต่มนุษย์เมื่อมีการเปรียบเทียบสิ่งที่ตัวเอง มีกับสิ่งที่ผู้อื่นมีก็มักจะอดไม่ได้ที่จะแสวงหาให้ได้แบบเขาไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ซึ่งในสมัยนั้นก็คงมีแต่เรื่องการขโมย การลักทรัพย์ แต่รูปแบบการผิดศีลข้อนี้มีมากขึ้นเพราะ มีการฆ่าเจ้าทรัพย์มีการทำร้ายกัน นั้นและที่ทรงห้ามคือ ห้ามแม้แต่จะคิดเปรียบเทียบพอใจในสิ่งที่มีอยู่แต่ต้องมีอยู่จากการแสวงหาด้วยสติปัญญาของตัวเองไม่ใช่เบียดเบียน
4)ห้ามประพฤฒิผิดในกาม
ข้อนี้ต้องการให้มนุษย์ควบคุมพลังงานที่ยิ่งใหญ่ในโลกนั้นคือ
พลังงานความรักคุณสามารถมีความรักได้เพียงแต่คุณจะต้องไม่ผิดมาตราฐานสังคมที่คุณอยู่ซึ่งมนุษย์ปัจจุบันก็ห้ามไปจนถึงกับกำหนดว่าเป็นสิ่งผิดกฏหมายถ้ามีการจดทะเบียนซ้อนนั้นก็แสดงให้เห็นว่าศีลข้อนี้มีการมองกาลไกลมากว่า การประพฤติผิดในกามเป็นเรื่องน่ากลัวเพราะถ้าคุณแย่งเมียเขาได้ มีอะไรในโลกนี้ที่คุณจะแย่งไม่ได้เพราะมันสื่อให้เห็นว่าคุณไม่สามารถจะชนะใจและ ควบคุมตัวเองได้ทำให้คุณจะเป็นอันตรายของสังคมต่อไป
5)ห้ามดื่มสุราเมรัย
ข้อนี้ทรงเห็นว่าในสมัยท่านมนุษย์คงว่างมากเพราะกลางคืนก็มืดมิดทำงานไม่สะดวกหลีกเลี่ยงการสังสรรไม่ได้จึงทำให้พระองค์เห็นว่ามนุษย์ไม่สมควรจะรักสนุกจนเกินขอบเขตเพราะการดื่มเครื่องดื่มที่มึนเมาทำให้ร่างกายอ่อนเพลียทำให้เกิดความสนุกที่ควบคุมไม่ได้ เรียกว่าลองได้ดื่มกินแล้วก็จะทำให้เสียการเสียงาน เสียหน้าที่เสียความรับผิดชอบ และที่สำคัญจะสูญเสียการควบคุมพฤติกรรมของตัวเองทำให้ลูกฆ่าพ่อ ทำผัวฆ่าเมีย ทำให้นักรบฆ่าคนอย่างไรสติได้ จึงทรงห้ามศีลข้อนี้
เห็นไหมครับ สัจธรรมต่างๆมักจะซ่อนอยู่ในคำสอนเสมอเปรียบได้กับไพ่ทาโรต์ที่มีความหมาย มีสัญลักษณ์ซ่อนสัจธรรมต่างๆเอาไว้เช่นกันศาสนาพุทธของเราเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือเป็นอันดับที่ 4 แต่เราจะไม่เคยมีสงครามใหญ่กับใครเลยเพราะศาสนาพุทธที่บริสุทธิ์จะไม่ห้ามอะไรเลยไม่กำหนดอะไรเลยเพราะทุกอย่างเมื่อท้ายที่สุดก็คือความว่างเปล่าเพราะฉะนั้นคุณผู้อ่านก็จะต้องปล่อยวางในสิ่งที่วันหนึ่งมันจะว่างเปล่าและมีไม่ความหมายกับเราเลยยกเว้นคุณความดีและสิ่งที่ผู้คนจะพูดถึงเรา
เปรียบได้กับพุทธองค์ที่แม้จะปรินิพพานไปแล้วแต่คำพูด คำสั่งสอน หนังสือที่ทรงเขียนที่รวบรวมเป็นพระไตรปิฎกก็ยังได้รับการยอมรับมาจนถึงปัจจุบันทีเดียว













