Tarot World By Khate Horasilp โลกไพ่ยิปซี โดย อ.เขตต์ โหรศิลป์
จุดประสงค์
1.เพื่อรวมรวมข่าวสารและความน่าสนใจของบทความต่างๆที่เกี่ยวข้องกับไพ่ยิปซีในประเทศต่างๆ
2.เพื่อเชื่อมโยงความเข้าในใจไพ่ยิปซีกับเว้ปไซค์ต่างๆทั่วโลก
3.เพื่อแสวงหาและให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา การสืบค้น และข้อสงสัยเกี่ยวกับไพ่ยิปซีจากข้อมูลต่างๆในต่างประเทศ
Tarot World ข้อมูลความเป็นไปได้ที่คาดว่าจะเกิดกับโลก
เรียบเรียงโดย อ.เขตต์ โหรศิลป์
กรมอุตนิยมวิทยาจากทั่วโลก ในปัจจุบัน ต่างรายงานพยากรณ์อากาศได้ไม่ค่อยจะถูกต้อง และยากเพิ่มขึ้น นั้นเป็นเพราะบรรยากาศโลกมันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแล้ว
ทำให้เราไม่อาจคาดเดาอะไรได้ง่ายๆ เพราะจะมีการคลาดเคลื่อนตลอดเวลาจากปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่จะหนีไม่พ้นก็คือ ความหายนะของโลกที่เราจะต้องเรียนรู้เพื่อรับมือเอาไว้ให้ได้
เพราะเมื่อเราหลงผิดมานาน หากเราคิดกลับใจเราก็สามารถที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง ให้ความเลวร้ายเกิดขึ้นและจบเร็วที่สุด พร้อมทั้งการเริ่มต้นใหม่อย่างมีสติ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราทราบข้อมูลสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 เป็นต้นไป
นอกจากประชากรโลกที่เปลี่ยนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากทำให้เชื่อว่าอาหารจะไม่พอกินและจะหลีกหนีไม่พ้นโรคระบาด เพราะในคตวรรษที่ผ่านมานั้น
ปรากฏข้อมูลสำคัญว่าความเป็นไปได้ที่น่าจะเกิดกับโลกของเราและทำให้โลกเกิดความเสียหายหนัก
อย่างไรก็มียังมีความเชื่อต่างๆที่ว่าโลกจะแตกอีกมากมาย โดยผมสามารถรวบรวมได้ออกเป็นความเชื่อที่จะเกิดขึ้นได้นั้นสามารถแยกได้ออกเป็น 2 ประการใหญ่ๆได้แก่
1)มหันตภัยจากนอกโลก
2)มหันตภัยภายในโลก
1)มหันตภัยจากนอกโลก
(1.1) อุกาบาตและดวงดาวพุ่งชนโลก
กรณีนี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ ถึง 50/50 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียวเพราะแม้ในขณะที่คุณอ่านบทความนี้ ก็มีสะเก็ดดาวและผงฝุ่น ตกลงมายังโลกมากมาย เพียงแต่มันจะถูกทำลายด้วยการปกป้องจากชั้นบรรยากาศอันเบาบางของโลก แต่ก็ยังเพียงพอในขณะนี้ที่จะยับยั้งสะเก็ตดาวต่างๆ เหล่านั้นให้เผาไหม้หมดไปในชั้นบรรยากาศของโลกเรา
แต่กระแสอุกาบาตนี้ ตื่นตัวเพิ่มมาก เมื่อมีการถ่ายภาพ โดยองค์การนาซ่าสหรัฐอเมริกา ที่มีดาวหางพุ่งชนดาวพฤหัส มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ภาพต่างๆก็ยังคงติดตาเราและเกิดความคิดว่า สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับโลกของเราไหม?
โดยเชื่อว่าถ้าดาวหางหรืออุกาบาตที่มีขนาดใหญ่ที่จะพุ่งชนโลก ถ้าลงทะเลก็จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ท่วมเมืองชายฝั่ง ซึ่งเมืองหลวงโบราณของโลกสำคัญๆก็มักจะสร้างอยู่ใกล้ทะเลหรือแหล่งน้ำใหญ่
ดังนั้น ถ้าเกิดคลื่นยักษ์และทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่จากน้ำที่ถูกหอบขึ้นไปบนอากาศและตกลงมาก็จะทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่สำคัญๆของโลกที่มีฅนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ กำลังจับตาดูดาวหางดวงหนึ่งซึ่งชื่อว่า” โททาจีส “เป็นดาวพระเคราะห์น้อยที่มีวงโคจรใกล้โลกมาก โดยมีวงโคจรระหว่างโลกกับดวงจันทร์ และเคยเฉียดใกล้โลกมาก จึงคาดการณ์ว่าหากเกิดเหตุการณ์ดาวเรียงตัวกัน อาจทำให้เกิดแรงดึงดูดระหว่างดาว ทำให้วงโคจรของดวงดาวต่างๆและดาวเคราะห์น้อยต่างๆ รวมถึงดาวหางนี้โคจรผิดรูปไป และส่งผลอาจทำให้พุ่งชนโลกของเราได้
(1.2) สงครามระหว่างดวงดาว
กรณีนี้มักจะเกิดจากลัทธิความเชื่อต่างๆที่มีมานาน มีแนวความคิดว่าไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตเพียงมนุษย์อยู่ในจักรวาลและแกแล็คซี่ที่กว้างใหญ่นี้ ซึ่งผมก็เชื่อว่าน่าจะจริงแต่อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น เพราะแม้แต่โลกของเรายังมีสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันหลายๆเผ่าพันธ์ หลายๆชีวภาค แถมยังกินอาหารและต้องการอากาศหายใจที่แตกต่างกัน
ดังนั้น ยอมรับได้ว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่น ที่จะต้องไม่ใช่มนุษย์อย่างเราอย่างแน่นอน ที่จะอยู่ในพิภพอันกว้างใหญ่นี้
แต่ความเชื่อว่าสงครามระหว่างดาวเกิด จากความเชื่อที่ว่าเมื่อวันหนึ่งมนุษย์มีวิทยาการมากพอแต่จิตใจมนุษย์ไม่ได้ยกระดับตามไป ก็อาจทำให้มนุษย์คิดจะยึดดวงดาวอื่น เพื่อหาทรัพย์กรที่มีค่าเหมือนกับพื้นฐานมนุษย์ในอดีตนะแหล่ะครับ ที่ต่างคนต่างอาศัย
แต่พอใครมีอารยธรรมสูงกว่าก็เริ่มที่จะยึดครองและแสวงหาทรัพยกรที่มีค่าเพื่อประชากรของตน ดังนั้นมนุษย์ต้องการจะสำรวจอวกาศ เริ่มแรกก็เพื่อแข่งขันกันระหว่างโซเวียสกับสหรัฐอเมริกาเพื่อแข่งขันกันว่าใครจะได้เป็นเจ้าโลกทางวิทยาการซึ่งเป็นสงครามจิตวิทยาว่าใครฉลาดกว่ากัน
และเพื่อผลประโยชน์อื่นๆตามมา เช่นผลประโยชน์ทางการเมือง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ผลประโยชน์ในการหาสมัครพรรคพวกมาเป็นพวกฉันเพราะฉันเก่ง
นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่า น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่นอกโลกโดยเริ่มจากการสำรวจดวงจันทร์ และดาวอังคาร ดาวศุกร์ตามลำดับเพราะเป็นดวงดาวที่อยู่ใกล้ชิดเราเป็นพิเศษ
โดยตั้งสมมุติฐานใหญ่ๆว่า ถ้าหาอากาศที่หายใจได้ก็มีสิ่งมีชีวิตได้และถ้าหาน้ำได้ก็แสดงว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้เช่นกัน ซึ่งเราจะต้องคอยติดตามดูนะครับ เพราะในขณะนี้ผมเชื่อว่าฝรั่งเค้ามีข้อมูลมากกว่าเรามากเพียงแต่ที่ประกาศออกมาก็เพื่อเหตุผลทางจิตวิทยาว่าเขากำลังค้นพบอะไรบ้างเรียกว่าค่อยๆคายความรู้ที่เขารู้มากแล้ว
เปรียบได้กับอาจารย์ที่สอนนักเรียนย่อมไม่สามารถที่จะบอกหรือสอนได้หมดได้เพราะจากประสบการณ์และจากความรู้ที่สะสมต้องเป็นของใครของมัน
แล้วประเทศไทยเราละครับ จะเป็นอย่างไรเริ่มพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ หรือยังเราเริ่มมีข่าวว่านักวิทยาศาสตร์ของเราเองที่ออกมาวิเคราะห์อะไรที่สร้างความชื่อใจให้กับประเทศชาติมากน้อยแค่ไหน เราไม่จำเป็นถึงขั้นที่ต้องสร้างยานอวกาศหรอกครับ
แค่แสดงผลวิจัยที่สำคัญระดับโลกเอาเรื่องที่ใกล้ตัวเราเช่น ผลิตอาหารหรือผสมพันธ์พืชที่ให้ผลตลอดฤดูกาลและผลไม้ต้นนั้นนักวิทยาศาสตร์ไทยสามารถทำให้มีอายุในการเก็บเกี่ยวประโยชน์ยาวนานถึง 100-500ปี เรียกว่าจะได้ปลูกให้ลูกให้หลานกินเพราะการเกษตรเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามาก เป็นต้น นั้นเราก็น่าจะเริ่มคิดได้แล้ว
(2)มหันตภัยภายในโลก
(2.1) แกนโลกเอียง
กรณีนี้เกิดจากความเชื่อที่ว่าเมื่ออุณหภูมิโลกเปลี่ยนไปน้ำแข็งขั้วโลกละลาย หรือเมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจากการเคลื่อนตัวของรอยต่อเปลือกโลกก็จะให้เกิดภูเขาไฟระเบิดและอุณหภูมิร้อนขึ้นก็อาจทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายทำให้น้ำท่วมโลกได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกันเราได้เรียนวิทยาศาสตร์มาตลอดว่า โลกเรากลมคล้ายผลส้ มคือด้านบนและด้านล่างเอียงยุบเล็กน้อยก็ด้วยแรงกดทับของน้ำแข็งมหาสารที่ขั้วโลก
จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เห็นว่าในโลกของเรานี้จริงๆแล้วมีน้ำถึง 70.8% ที่เหลือเป็นแผ่นดินเพียง 29.2%และคุณทราบไหมว่าน้ำที่อยู่ในโลกนะเป็นน้ำเค็มที่ใช้ดื่มกินไม่ได้ถึง 97 % อีก 2 %อยู่ขั้วโลกทั้งสองแถมไม่พอ
น้ำกินส่วนใหญ่ก็อยู่ใต้พื้นโลก ลึกลงไปจนไม่สามารถจะดูดขึ้นมาใช้ได้ เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากก็ทุกอย่างถ้าจะลงทุนก็ต้องมีการคุ้มทุน นั้นเป็นหลักเศรษฐศาสตร์ง่ายๆ ถ้าลงทุนแล้วไม่มีกำไรทำไปก็ไม่มีประโยชน์
ดังนั้นวิทยาการในปัจจุบันเรายังไม่สามารถนำน้ำดื่มที่สะอาดขึ้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้และใต้โลกลึกลงไปยังประกอบด้วยลาวา และแร่ธาตุที่หลอมละลายร้อนเป็นของเหลวเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
เพียงแต่การเคลื่อนที่เป็นไปอย่างมีสมดุลย์ กล่าวคือ โลกมีการหมุนรอบตัวเองเป็นจังหวะทำให้ของเหลวไม่ค่อยจะเคลื่อนที่ไหลไปมาหนักทางด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถ้าแรงโน้มถ่วงโลกเปลี่ยนไปละอะไรจะเกิดกับของเหลวร้อนระอุขนาดนั้น
นักวิทยาศาสตร์ขบคิดเป็นอันมาก เรียกได้กว่ากลัวภัยภิบัติจากน้ำมือมนุษย์หรือจากภายในโลกมากกว่านอกโลก เพราะในขณะนี้เมื่อคำนวณคร่าวๆแล้วก็อย่างที่ทราบ อาหารจะไม่พอกินถึง 85%ของประชากรโลกทีเดียว
และถ้าเมื่อดาวเรียงตัวกันบวกกับความเชื่อทางโหราศาสตร์พยากรณ์ยิ่งดูน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในกรณีนี้ และผมให้ความสำคัญมากเช่นกันว่ามีโอกาสที่โลกเราจะเกิดภัยพิบัติใหญ่จากไฟและน้ำมากที่สุด
เพราะนักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า ลองหลับตานึกภาพรูปไข่ไก่ดูสินั้นละเปรียบพื้นผิวโลกได้กับผิวไข่ไก่ที่บอบบางและส่วนของเนื้อไข่ที่เหลือก็เปรียบได้กับลาวาและของเหลวที่อยู่ลึกใต้ใจกลางโลกลงไปและอย่าลืมคิดอีกนะครับว่า ไอ้ผิวไข่ไก่บางๆนะมันมีรอยร้าวอยู่และมีการเคลื่อนตัวของเปลือกไข่อยู่ตลอดเวลา เพราะไข่ใบนั้นนะมันถูกเหวี่ยงให้หมุนรอบตัวเองทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงดึงดูดสิ่งของต่างๆไว้ไม่ให้เทกระจาดออกไปนอกโลก และมันมีแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวทำให้เกิดวงโคจรเป็นระบบเรียกว่าระบบสุริยะจักรวาลอยู่ทำให้โลกของเรามีวงโคจรและทำให้เกิดฤดูกาล
ถ้าวันหนึ่งเมื่อดาวเรียงตัวกันล่ะแรงดึงดูดและวงโคจรต่างจะเปลี่ยนไปบ้างไหม ถ้าเกิดแกนโลกเอียงเพราะถูกแรงดึงดูดและการโคจรที่ผิดไปเคลื่อนออกไปจากแนวเดิมล่ะ อะไรจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเราบนโลก?
แล้วผมก็คิดต่อว่าแล้วมนุษย์บนโลกจะมัวมาเถียงกับทำไมว่าโหราศาสตร์งมงายหรือเปล่า ทำไมคนอื่นต้องเก่งต้องเด่นกว่าฉัน ทำไมคนนั้นต้องนินทาฉัน ทำไมนายไม่ค่อยชอบขี้หน้าเราเลย ปัญหาเหล่านี้เมื่อเปรียบเทียบกับปัญหาของโลกนั้นยังห่างไกลกันมากคุณผู้อ่านก็จะได้มีกำลังขออย่ามองว่าเป็นเรื่องไกลตัวนะครับ มีหน้าที่ก็รับผิดชอบไปทำงานไปแต่เงี่ยหูฟังสักนิดนึงว่าชาวโลกเขากำลังคิดกำลังทำอะไรอยู่แล้วเราล่ะ?
(2.2) สงครามโลก
นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 และจากสถิตินับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ปรากฏว่ามนุษย์โลกเราได้ทำสงครามที่สามารถบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ถึงประมาณ 150 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดแล้วประมาณ 100 ล้านคน
สงครามโลกครั้งที่ 3 ตามคำพยากรณ์ของนอสตาดามุสผู้หยั่งรู้ฟ้าดินและมีชื่อเสียงมากจากและมีผู้เสียชี ซึ่งเมื่อมนุษย์มีความรู้สติปัญญามากขึ้นคำพยากรณ์ของผู้รู้ในอดีตก็มักจะถูกเสียดสีและถูกทดสอบแต่หากเราจะมองอย่างเป็นกลางเราต้องเข้าใจว่าผู้มีความรู้และเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงของโลกผ่านโหราศาสตร์ คือ สถิติดวงดาวและความเชื่อ การคาดการณ์เหตุการณ์จากเหตุที่เกิดในปัจจุบันเพื่อชี้ให้เห็นอนาคตนั้นและจำต้องถ่ายทอดให้กับชาวบ้านที่ไม่มีความรู้ ท่านคงต้องถ่ายทอดในรูปของคำชี้แนะที่เป็นบทกลอนหรือไม่ต้องการชี้ชัดลงไปเพื่อให้เกิดปัญหา
เพราะในการพยากรณ์หากเราทำนายชี้เฉพาะระบุออกไปและเจ้าชะตารับรู้ก็อาจทำให้ไปเปลี่ยนวิถีแห่งกรรมของเราเพียงแต่เราต้องเตือนเพื่อผ่อนหนักเป็นเบาแต่ไม่ใช่ไปเปลี่ยนกงกรรมที่กำลังหมุนหรือไปหยุดไปทำลายกงล้อนั้น
นักโหราศาสตร์ต่างๆวิเคราะห์และหาเหตุผลต่างๆมาทำพิสูจน์คำพยากรณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดน้ำหนักและเพื่อเตือนสติให้มุนษย์และมีความเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเองที่มีต่อโลกเพราะสงครามโลกนั้นทำลายชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนบนโลกมากมายและตั้งแต่โลกเริ่มมีอารยธรรมเจริญอย่างมากมาย มนุษย์ต้องผ่านการทำลายตัวเองมาแล้วถึง 2 หนโดยแบ่งความเสียหายได้ดังนี้
1)สงครามโลกครั้งที่ 1 โดย นโปเรียน
สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้เกิดสงครามเน้นเฉพาะไปที่ยุโรปเป็นส่วนใหญ่มีประชากรโลกเสียชีวิตไป19 ล้านคน โดยแบ่งออกได้เป็นทหาร 95 % และพลเรือน5 % เพราะเป็นการรบด้วยการใช้กองกำลังทหารราบเข้าประชิดและต่อสู้กันแบบพื้นราบเป็นส่วนใหญ่ซึ่งก็จะรบกันตามสมรภูมิรบต่างๆที่เป็นทุ่งกว้างประชาชนพลเรือนจึงได้รับความเดือดร้อนและเสียชีวิตน้อย
2)สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฮิตเลอร์
สงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เป็นการรบกันในยุโรปเป็นส่วนใหญ่เช่นกัน แต่เริ่มมีการรบขยายวงกว้างมาในทวีปอื่น คือ ทวีปเอเซีย โดยการร่วมมือการแบ่งเป็นพรรคเป็นพวกเยอรมัน โดย นาซี และอิตาลี โดยฟาสซิสต์ เป็นผู้นำรบในยุโรปญี่ปุ่นเป็นผู้นำรบในทวีปเอเซียและมีการรบเพื่อจุดประสงค์รวมประเทศและขยายดินแดนทำให้ต้องเข้าไปเก็บโดย ฟาสซิส พลเรือน
มีการทำสงครามจิตวิทยาเพื่อหาพรรคพวกร่วมสงครามนับเป็นสงครามมีมนุษย์พัฒนาการต่อสู้ที่รุกรานไปทั่วโลกเกือบทุกหนแห่งโดยการใช้อาวุธที่สามารถยิงจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ทำให้สมรภูมิรบเปลี่ยนจากที่ราบเป็นทุกที่ไม่ว่าจะในหรือนอกเมืองหลวง
สงครามครั้งนี้ทำให้มีประชากรโลกเสียชีวิตมากเป็นประวัติการณ์ถึง 50 ล้านคน เกือบ 3 เท่าของสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยแบ่งผู้สูญเสียออกเป็น ทหาร 50 % พลเรือน 50%เรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่งเลย โดยผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นชาวยิว
อย่างไรก็ตาม สถิติที่นักคิดได้รวบรวมไว้กล่าวว่าสงครามและการต่อสู้จะรุนแรงขึ้นและเสียชีวิตมนุษย์มากขึ้นเพราะอาวุธที่ทำลายล้างรุนแรงและมีอำนาจทำลายกว้างขวางแม้แต่อัลเบริด์ ไอซ์ไตล ผู้เป็นต้นคิดระเบิดปรมณูด้วยสูตรสั้นๆอย่าง E=MC2 บอกว่า พลังที่เพิ่มขึ้นนั้นจะมากมายมหาศาสถ้ามีมวลที่เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่เป็นสองเท่าพลังงานนั้นก็จะให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการแตกตัวของอะตอมที่มีการแตกตัวด้วยความเร็วสูงและจะปลดปล่อยพลังงานที่เพิ่มขึ้นมาก
ดังนั้นปรมณูสองลูกจึงถูกปล่อยลงที่ประเทศญี่ปุ่นคือ เมื่อ ฮิโรชิม่า กับเมื่อนางาซากิ สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็จบลง อัลเบริด์ ไอซ์ไตลก็เป็นทั้งวีรบุรุษและเป็นผู้ที่เปิดเผยพลังงานใหม่ที่ทำให้โลกก้าวเข้าสู่ยุคสงครามนิวเคลีย
จนเขาเองก่อนสิ้นใจตายก็ยังได้บอกว่าเขาไม่รู้หรอกว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 มนุษย์จะรบกันด้วยอะไรและจะมีการสูญเสียเท่าไรแต่เขารู้ว่าสงครามโลกครั้งที่4 มนุษย์จะต้องรบกันด้วยมือเปล่า ด้วยหินด้วยหอกนั้นก็แสดงให้เห็นว่ามนุษย์จะกลับเข้าสู่ยุคหินเหมือนเดิมพราะการทำลายล้างของสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้นเอง













